ที่ผ่านมาเราอาจจะเคยได้ยินวลีเด็ดอย่าง Cinematic Experience กันมาบ้างจากค่ายเกมดัง ๆ ไม่ว่าเป็น Ubisoft สมัยที่ทำ Assassin’s Creed Unity ลง PS4, XBOX One ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า “30fps คือเป้าหมายหลักในการทำเกมของเรา เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนภาพยนตร์มากกว่า” และในวันนี้เกมแห่ง Cinematic ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว กับ The Dark Pictures Anthology: Man of Medan ในเวอร์ชั่น Nintendo Switch
เกม The Dark Pictures Anthology: Man of Medan เป็นเกมแบบ interactive พัฒนาโดย Supermassive Games ตัวเกมจะเล่าเรื่องแบบภาพยนตร์ที่ให้เราได้กด Quick-Time Event หรือเดินสำรวจเป็นครั้งคราว ซึ่งการตัดสินใจต่าง ๆ จะส่งผลถึงการดำเนินเรื่องในฉากต่อ ๆ ไป ทำให้ผลลัพธ์ในการเล่นแต่ละรอบจะให้ประสบการณ์การที่แตกต่างกัน โดยเกมนี้ได้เคยลงให้กับ PS4, XBOX One และ PC มาก่อนหน้าในปี 2019 ซึ่งเฟรมเรตจะอยู่ที่ราว ๆ 30fps ตามมาตรฐานของเกมคอนโซล ส่วนเวอร์ชั่น PS5 และ XBOX Series ที่ออกไปเมื่อเดือนกันยายน 2022 นั้นจะเล่นได้ 60fps ลื่น ๆ
สำหรับเวอร์ชั่น Switch นั้นทางทีมผู้สร้างได้ทำการลดทอนความละเอียดต่าง ๆ ไม่ว่าเป็น Texture หรือแสงเงาของตัวละคร เพื่อทำให้สามารถเล่นใน Switch ได้ และได้เพิ่ม Chapter ใหม่อย่าง Flooded เข้ามา แต่ผลปรากฎว่าเฟรมเรตของเกมนี้ทำได้เฉลี่ยอยู่ที่ 24fps เท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่าเฟรมเรตอาจจะต่ำกว่ามาตรฐานของเกมคอนโซลไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็เป็นเกมที่พอร์ตมาลง Switch โดยตรง ไม่เหมือนกับเกม AAA หลาย ๆ เกมที่เลือกทำเป็น Cloud version เช่น Control , Kindom Hearts 3 และ Hitman เป็นต้น ซึ่งข้อแตกต่างระหว่าง Cloud กับการพอร์ตตรง ๆ คืออัตราการตอบสนองต่าง ๆ ภายในเกม ซึ่งการพอร์ตมาลงตรง ๆ จะทำได้ดีกว่าในส่วนนี้
ย้อนกลับไปที่ปี 2014 มีเกมหนึ่งที่ชื่อว่า The Order 1886 ที่พัฒนาโดย Ready at Dawn ซึ่งผู้พัฒนาเกม ได้เคยบอกว่า อยากให้ The Order 1886 ให้ประสบการณ์เหมือนกับการดูหนัง แต่ที่ต้องทำออกมาเป็น 30fps ไม่ใช่ 24fps แบบหนังทั่วไปเพราะว่า “เล่นเกมที่ 24fps ความรู้สึกที่ได้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
ที่มา - gamespot
Topics:
Nintendo Switch
Supermassive Games
Nintendo
Handheld
อ่านต่อ...
เกม The Dark Pictures Anthology: Man of Medan เป็นเกมแบบ interactive พัฒนาโดย Supermassive Games ตัวเกมจะเล่าเรื่องแบบภาพยนตร์ที่ให้เราได้กด Quick-Time Event หรือเดินสำรวจเป็นครั้งคราว ซึ่งการตัดสินใจต่าง ๆ จะส่งผลถึงการดำเนินเรื่องในฉากต่อ ๆ ไป ทำให้ผลลัพธ์ในการเล่นแต่ละรอบจะให้ประสบการณ์การที่แตกต่างกัน โดยเกมนี้ได้เคยลงให้กับ PS4, XBOX One และ PC มาก่อนหน้าในปี 2019 ซึ่งเฟรมเรตจะอยู่ที่ราว ๆ 30fps ตามมาตรฐานของเกมคอนโซล ส่วนเวอร์ชั่น PS5 และ XBOX Series ที่ออกไปเมื่อเดือนกันยายน 2022 นั้นจะเล่นได้ 60fps ลื่น ๆ
สำหรับเวอร์ชั่น Switch นั้นทางทีมผู้สร้างได้ทำการลดทอนความละเอียดต่าง ๆ ไม่ว่าเป็น Texture หรือแสงเงาของตัวละคร เพื่อทำให้สามารถเล่นใน Switch ได้ และได้เพิ่ม Chapter ใหม่อย่าง Flooded เข้ามา แต่ผลปรากฎว่าเฟรมเรตของเกมนี้ทำได้เฉลี่ยอยู่ที่ 24fps เท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่าเฟรมเรตอาจจะต่ำกว่ามาตรฐานของเกมคอนโซลไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็เป็นเกมที่พอร์ตมาลง Switch โดยตรง ไม่เหมือนกับเกม AAA หลาย ๆ เกมที่เลือกทำเป็น Cloud version เช่น Control , Kindom Hearts 3 และ Hitman เป็นต้น ซึ่งข้อแตกต่างระหว่าง Cloud กับการพอร์ตตรง ๆ คืออัตราการตอบสนองต่าง ๆ ภายในเกม ซึ่งการพอร์ตมาลงตรง ๆ จะทำได้ดีกว่าในส่วนนี้
ย้อนกลับไปที่ปี 2014 มีเกมหนึ่งที่ชื่อว่า The Order 1886 ที่พัฒนาโดย Ready at Dawn ซึ่งผู้พัฒนาเกม ได้เคยบอกว่า อยากให้ The Order 1886 ให้ประสบการณ์เหมือนกับการดูหนัง แต่ที่ต้องทำออกมาเป็น 30fps ไม่ใช่ 24fps แบบหนังทั่วไปเพราะว่า “เล่นเกมที่ 24fps ความรู้สึกที่ได้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
ที่มา - gamespot
Topics:
Nintendo Switch
Supermassive Games
Nintendo
Handheld
อ่านต่อ...
