แอปเปิลเปิดตัวฟีเจอร์ AI ของตัวเองโดยเรียกว่า Apple Intelligence ที่เป็นชุดฟีเจอร์ด้านปัญญาประดิษฐ์จำนวนมาก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ง่ายขึ้นแบบเดียวกับ Samsung Galaxy AI
แอปเปิลระบุว่าพยายามจะใช้พลังประมวลผลของชิปในอุปกรณ์ผู้ใช้เป็นหลัก แต่ในกรณีที่การประมวลผลบางอย่างไม่สามารถประมวลผลในอุปกรณ์ได้จะส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์อยู่ดี โดยเรียกว่า Private Cloud ที่่จะเปิดให้นักวิจัยเข้าตรวจสอบความปลอดภัยโค้ดที่รันอยู่ในคลาวด์ว่าเคารพความเป็นส่วนตัวผู้ใช้จริง ขณะที่ตัวโทรศัพท์นั้นจะยืนยันโค้ดที่จะรันบนคลาวด์ว่าถูกตรวจสอบแล้วจึงส่งข้อมูลให้ และข้อมูลที่ส่งไปแล้วจะถูกประมวลผลอย่างเดียวไม่เก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์อีก ภายใน Apple Intelligence นั้นจะทำ "semantic index" แปลงข้อมูลให้ค้นหาได้ตามคำบรรยาย เพื่อให้บริการต่างๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้มากขึ้น
แกนกลางหลักของ AI ของแอปเปิลคือ Siri ที่เวอร์ชั่นใหม่ที่มาพร้อม iOS 18 จะทำงานได้หลากหลายขึ้น เข้าใจข้อมูลบนจอภาพมากขึ้น เรียกว่า On-screen awareness เช่น สามารถดึงข้อมูลจากภาพใบขับขี่จากแอป Photos และนำข้อมูลไปใส่ฟอร์มในเว็บได้ทันที หรือดึงข้อมูลที่อยู่ไปใส่ Contact อันโนมัติ
สำหรับนักพัฒนาภายนอก แอปเปิลจะเปิด App Intent API เปิดทางให้ Siri สามารถสั่งการแอปได้โดยตรง
สำหรับข่าวลือความร่วมมือกับ OpenAI นั้นมีการใช้งาน GPT-4o เข้ามาใน Siri อย่างไรก็ดีผู้ใช้จะไม่ได้แชตกับ GPT-4o โดยตรง แต่ต้องคุยกับ Siri ในบางรูปแบบ หาก Siri ตัดสินใจว่าควรถาม GPT-4o ก็จะขึ้นหน้าจอยืนยันความสมัครใจผู้ใช้อีกครั้ง
ฟีเจอร์ด้านภาพของ Apple Intelligence นั้นมี 3 ส่วน คือ 1) Genmoji สร้างอีโมจิตามคำบรรยาย 2) Image Playground สร้างภาพแบบ DALL-E โดยยังเปิด API ให้นักพัฒนาใช้งานได้ด้วย 3) แอป Photos เพิ่มความสามารถในการลบคนหรือวัตถุออกจากภาพถ่ายได้
ชุดฟีเจอร์ Apple Intelligence จะเปิดให้ใช้ iOS 18, iPadOS 18, และ macOS Sequoia เฉพาะภาษาอังกฤษแบบสหรัฐฯ ก่อน และจะเพิ่มภาษาอื่นๆ ภายในปีหน้า
Topics:
Apple
Artificial Intelligence
Continue reading...
แอปเปิลระบุว่าพยายามจะใช้พลังประมวลผลของชิปในอุปกรณ์ผู้ใช้เป็นหลัก แต่ในกรณีที่การประมวลผลบางอย่างไม่สามารถประมวลผลในอุปกรณ์ได้จะส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์อยู่ดี โดยเรียกว่า Private Cloud ที่่จะเปิดให้นักวิจัยเข้าตรวจสอบความปลอดภัยโค้ดที่รันอยู่ในคลาวด์ว่าเคารพความเป็นส่วนตัวผู้ใช้จริง ขณะที่ตัวโทรศัพท์นั้นจะยืนยันโค้ดที่จะรันบนคลาวด์ว่าถูกตรวจสอบแล้วจึงส่งข้อมูลให้ และข้อมูลที่ส่งไปแล้วจะถูกประมวลผลอย่างเดียวไม่เก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์อีก ภายใน Apple Intelligence นั้นจะทำ "semantic index" แปลงข้อมูลให้ค้นหาได้ตามคำบรรยาย เพื่อให้บริการต่างๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้มากขึ้น
แกนกลางหลักของ AI ของแอปเปิลคือ Siri ที่เวอร์ชั่นใหม่ที่มาพร้อม iOS 18 จะทำงานได้หลากหลายขึ้น เข้าใจข้อมูลบนจอภาพมากขึ้น เรียกว่า On-screen awareness เช่น สามารถดึงข้อมูลจากภาพใบขับขี่จากแอป Photos และนำข้อมูลไปใส่ฟอร์มในเว็บได้ทันที หรือดึงข้อมูลที่อยู่ไปใส่ Contact อันโนมัติ
สำหรับนักพัฒนาภายนอก แอปเปิลจะเปิด App Intent API เปิดทางให้ Siri สามารถสั่งการแอปได้โดยตรง
สำหรับข่าวลือความร่วมมือกับ OpenAI นั้นมีการใช้งาน GPT-4o เข้ามาใน Siri อย่างไรก็ดีผู้ใช้จะไม่ได้แชตกับ GPT-4o โดยตรง แต่ต้องคุยกับ Siri ในบางรูปแบบ หาก Siri ตัดสินใจว่าควรถาม GPT-4o ก็จะขึ้นหน้าจอยืนยันความสมัครใจผู้ใช้อีกครั้ง
ฟีเจอร์ด้านภาพของ Apple Intelligence นั้นมี 3 ส่วน คือ 1) Genmoji สร้างอีโมจิตามคำบรรยาย 2) Image Playground สร้างภาพแบบ DALL-E โดยยังเปิด API ให้นักพัฒนาใช้งานได้ด้วย 3) แอป Photos เพิ่มความสามารถในการลบคนหรือวัตถุออกจากภาพถ่ายได้
ชุดฟีเจอร์ Apple Intelligence จะเปิดให้ใช้ iOS 18, iPadOS 18, และ macOS Sequoia เฉพาะภาษาอังกฤษแบบสหรัฐฯ ก่อน และจะเพิ่มภาษาอื่นๆ ภายในปีหน้า
Topics:
Apple
Artificial Intelligence
Continue reading...