มีประเด็นจากกลุ่มผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ของ Adode เมื่อไม่กี่วันที่ผ่าน โดยพบว่า Adobe ได้แจ้งการปรับปรุงเงื่อนไขการใช้งาน (Terms of Use - ToS) ซึ่งทางเลือกเดียวคือต้องกดยอมรับ เพราะถ้าไม่ยอมรับก็ไม่สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ต่อได้
ใน ToS ใหม่นี้ Adobe ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงหนึ่งคือ "ชี้แจงว่าเราอาจเข้าถึงคอนเทนต์ของคุณผ่านวิธีการอัตโนมัติและแบบ manual เพื่อการตรวจสอบคอนเทนต์ได้" ซึ่งด้วยข้อความดังกล่าว ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยมองว่า Adobe พยายามเข้าถึงคอนเทนต์เพื่อนำไปเทรนโมเดล AI จึงเรียกร้องให้ Adobe ชี้แจง หรือรณรงค์เลิกใช้ผลิตภัณฑ์
ต่อมา Adobe โพสต์บล็อกชี้แจงประเด็นดังกล่าว ยืนยันว่าบริษัทยังคงดำเนินนโยบายต่าง ๆ อย่างโปร่งใส และปกป้องสิทธิของผู้สร้างสรรค์ผลงานอย่างเต็มที่ จากนั้น Adobe ได้เปรียบเทียบ ToS เดิมและใหม่ ว่ามีการแก้ไขคำใดบ้าง โดยบอกว่าการเข้าถึงคอนเทนต์นั้น มีอยู่ 3 กรณีคือ
Adobe ยืนยันว่าการตรวจสอบคอนเทนต์ที่ระบุนั้น ใช้สำหรับปรับปรุงซอฟต์แวร์เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย
Adobe ยังแสดงคำสัญญาเรื่องการนำคอนเทนต์ไปใช้เทรนโมเดล AI โดยบอกว่า
ที่มา: Adobe
Scott Belsky ผู้บริหาร Adobe ก็ยอมรับใน X ว่าข้อความใน ToS ใหม่ อาจสร้างความสับสนได้ ในยุคที่ผู้สร้างสรรค์ผลงานไม่ค่อยเชื่อใจบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้น (Adobe เคยมีประเด็นนี้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว)
Adobe
Creative Cloud
Artificial Intelligence
Continue reading...
ใน ToS ใหม่นี้ Adobe ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงหนึ่งคือ "ชี้แจงว่าเราอาจเข้าถึงคอนเทนต์ของคุณผ่านวิธีการอัตโนมัติและแบบ manual เพื่อการตรวจสอบคอนเทนต์ได้" ซึ่งด้วยข้อความดังกล่าว ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยมองว่า Adobe พยายามเข้าถึงคอนเทนต์เพื่อนำไปเทรนโมเดล AI จึงเรียกร้องให้ Adobe ชี้แจง หรือรณรงค์เลิกใช้ผลิตภัณฑ์
ต่อมา Adobe โพสต์บล็อกชี้แจงประเด็นดังกล่าว ยืนยันว่าบริษัทยังคงดำเนินนโยบายต่าง ๆ อย่างโปร่งใส และปกป้องสิทธิของผู้สร้างสรรค์ผลงานอย่างเต็มที่ จากนั้น Adobe ได้เปรียบเทียบ ToS เดิมและใหม่ ว่ามีการแก้ไขคำใดบ้าง โดยบอกว่าการเข้าถึงคอนเทนต์นั้น มีอยู่ 3 กรณีคือ
- ใช้งานแอพพลิเคชันและบริการ จึงต้องเข้าถึงคอนเทนต์เพื่อให้ทำงานตามที่ต้องการ เช่น แก้ไขรูปภาพ สร้างธัมเนล หรือสร้างพรีวิว
- ใช้งานฟีเจอร์ที่ต้องเชื่อมต่อกับคลาวด์ เช่น Photoshop Neural Filters, Liquid Mode หรือ Remove Background
- คือกรณีที่เป็นประเด็น นั่นคือคอนเทนต์ซึ่งเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ Adobe นั้น บริษัทอาจใช้เทคโนโลยีประมวลรูปภาพตรวจจับ และส่งต่อในขั้นตอนที่ใช้คนตรวจสอบซ้ำ สำหรับรูปภาพที่ผิดกฎหมาย เช่น ภาพอนาจารเด็ก (CSAM), คอนเทนต์ที่ก่อกวนหรือสแปม
Adobe ยืนยันว่าการตรวจสอบคอนเทนต์ที่ระบุนั้น ใช้สำหรับปรับปรุงซอฟต์แวร์เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย
Adobe ยังแสดงคำสัญญาเรื่องการนำคอนเทนต์ไปใช้เทรนโมเดล AI โดยบอกว่า
- Adobe ไม่นำคอนเทนต์ของลูกค้ามาเทรน Firefly Generative AI โดยโมเดล AI นี้ถูกเทรนด้วยชุดข้อมูลที่ซื้อลิขสิทธิ์มาถูกต้อง เช่นใน Adobe Stock หรือคอนเทนต์พับลิกโดเมนที่หมดอายุลิขสิทธิ์แล้ว
- Adobe ไม่สร้างความเป็นเจ้าของผลงานที่เป็นของลูกค้า คอนเทนต์ที่เก็บบนเซิร์ฟเวอร์ของลูกค้า มีไว้เพื่อให้ลูกค้าใช้งานแอพพลิเคชันและบริการของตนเท่านั้น
ที่มา: Adobe
Scott Belsky ผู้บริหาร Adobe ก็ยอมรับใน X ว่าข้อความใน ToS ใหม่ อาจสร้างความสับสนได้ ในยุคที่ผู้สร้างสรรค์ผลงานไม่ค่อยเชื่อใจบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้น (Adobe เคยมีประเด็นนี้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว)
Topics:“solely for the purpose of operating…”for clarity: any modern software company that has features like reproducing as thumbnails, enabling users to share for review and approval via web link, auto generating variations, indexing for search etc - requires a license (or for…
— scott belsky (@scottbelsky) June 6, 2024
Adobe
Creative Cloud
Artificial Intelligence
Continue reading...