กูเกิลออก Android 16 Beta 1 ให้กับอุปกรณ์ตระกูล Pixel โดยการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ ปลดล็อคการบังคับสัดส่วนของแอพ เมื่อนำไปแสดงผลบนหน้าจอขนาดต่างๆ หรืออธิบายง่ายๆ ว่าจากนี้ไป แอพบน Android จะเป็น adaptive ทั้งหมดตั้งแต่ระดับของ OS เลย
ก่อนหน้านี้ Android มี API ที่เปิดโอกาสให้แอพสามารถ "ล็อค" สัดส่วนการแสดงผล (aspect ratio), การระบุให้แสดงผลแนวตั้งหรือแนวนอนเท่านั้น (screen orientation) และความสามารถในการปรับขนาดพื้นที่แสดงผล (resizeability) เราจึงเห็นแอพบางตัวที่ออกแบบมาบนมือถือ ไปแสดงบนหน้าจอแท็บเล็ตหรือมือถือพับได้แบบไม่เต็มจออย่างตั้งใจ (ตัวอย่างที่โด่งดังเป็นพิเศษในอดีตคือ Instagram)
สิ่งที่เปลี่ยนไปใน Android 16 คือตัว OS จะเลิกสนใจค่าเหล่านี้ที่แอพตั้งค่ามา หากนำไปแสดงผลบนหน้าจอที่มีขนาดกว้างกว่า 600dp แอพจะถูก OS บังคับแสดงผลในหน้าต่างที่ปรับขนาดได้เสมอ กูเกิลใช้คำว่า "The future is adaptive" โดยให้เหตุผลว่าแอพ Android ถูกนำไปรันบนอุปกรณ์ที่หลากหลายขึ้นมาก เช่น โน้ตบุ๊ก หน้าจอรถยนต์ แว่น XR ทำให้นักพัฒนาแอพต้องปรับตัวตามอุปกรณ์ใหม่ๆ เหล่านี้ด้วย
การเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มมีผลใน Android 16 สำหรับแอพที่ตั้ง target API เป็น level 36 ซึ่งยังเปิดให้นักพัฒนาสามารถ opt-out ได้ แต่ในปีหน้า 2026 ที่เป็น API level 37 จะบังคับทั้งหมดแล้ว
ของใหม่อย่างอื่นใน Android 16 Beta 1 ได้แก่
กูเกิลมีแผนออก Beta เดือนละ 1 ตัว และตั้งเป้าออก Android 16 รุ่นเสถียรในไตรมาส 2/2025 ประมาณเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน โดยปีนี้เราจะเห็นการออก Android รุ่นย่อย (minor SDK release) อีกครั้งในไตรมาส 4 ตามที่เคยประกาศไว้
ที่มา - Android Developers Blog
Topics:
Android 16
Android
Operating System
Google
Continue reading...
ก่อนหน้านี้ Android มี API ที่เปิดโอกาสให้แอพสามารถ "ล็อค" สัดส่วนการแสดงผล (aspect ratio), การระบุให้แสดงผลแนวตั้งหรือแนวนอนเท่านั้น (screen orientation) และความสามารถในการปรับขนาดพื้นที่แสดงผล (resizeability) เราจึงเห็นแอพบางตัวที่ออกแบบมาบนมือถือ ไปแสดงบนหน้าจอแท็บเล็ตหรือมือถือพับได้แบบไม่เต็มจออย่างตั้งใจ (ตัวอย่างที่โด่งดังเป็นพิเศษในอดีตคือ Instagram)
สิ่งที่เปลี่ยนไปใน Android 16 คือตัว OS จะเลิกสนใจค่าเหล่านี้ที่แอพตั้งค่ามา หากนำไปแสดงผลบนหน้าจอที่มีขนาดกว้างกว่า 600dp แอพจะถูก OS บังคับแสดงผลในหน้าต่างที่ปรับขนาดได้เสมอ กูเกิลใช้คำว่า "The future is adaptive" โดยให้เหตุผลว่าแอพ Android ถูกนำไปรันบนอุปกรณ์ที่หลากหลายขึ้นมาก เช่น โน้ตบุ๊ก หน้าจอรถยนต์ แว่น XR ทำให้นักพัฒนาแอพต้องปรับตัวตามอุปกรณ์ใหม่ๆ เหล่านี้ด้วย
การเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มมีผลใน Android 16 สำหรับแอพที่ตั้ง target API เป็น level 36 ซึ่งยังเปิดให้นักพัฒนาสามารถ opt-out ได้ แต่ในปีหน้า 2026 ที่เป็น API level 37 จะบังคับทั้งหมดแล้ว
ของใหม่อย่างอื่นใน Android 16 Beta 1 ได้แก่
- Live Updates เป็นคลาสของการแจ้งเตือนใหม่ชื่อ ProgressStyle ช่วยให้ผู้ใช้ติดตามกิจกรรมที่เกิดขึ้นต่อเนื่องว่าไปถึงไหนแล้ว ตัวอย่างการใช้งานคือ แอพนำทาง, แอพส่งอาหาร เป็นต้น
- รองรับ codec วิดีโอแบบใหม่ Advanced Professional Video (AVP) ที่ใช้สำหรับการบันทึกวิดีโอระดับมืออาชีพ โดยใช้โค้ดจากโครงการ OpenAPV
- แอพสามารถตรวจจับการใช้ night mode ของกล้อง หรือ EXTENSION_NIGHT_MODE_INDICATOR ซึ่ง Instagram นำร่องใช้ไปก่อนแล้ว ตอนนี้เปิดให้แอพทั่วไปใช้งาน
- รองรับการแสดงผลข้อความแนวตั้ง (vertical text) เช่น ภาษาญี่ปุ่น
- ปรับปรุงโครงสร้างการทำงานของ Android Runtime (ART) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อาจมีผลกับแอพบางตัว ขอให้นักพัฒนาทดสอบความเข้ากันได้
- เปิดใช้ predictive back เป็นค่าดีฟอลต์ แอพที่ดักจับการกดปุ่ม ack เองต้องปรับตัว
กูเกิลมีแผนออก Beta เดือนละ 1 ตัว และตั้งเป้าออก Android 16 รุ่นเสถียรในไตรมาส 2/2025 ประมาณเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน โดยปีนี้เราจะเห็นการออก Android รุ่นย่อย (minor SDK release) อีกครั้งในไตรมาส 4 ตามที่เคยประกาศไว้
ที่มา - Android Developers Blog
Topics:
Android 16
Android
Operating System
Continue reading...