ฟอร์แมตแรกที่จะแนะนำก็คือ gzip ย่อมาจาก GNU zip คำสั่งก็ตรงไปตรงมาครับ ก็คือ
หลังจากกด enter ไปไฟล์ filename.txt ของเราจะหายไป แล้วกลายร่างเป็น filename.txt.gz เสียแล้ว
แต่ใครยังอยากเก็บไฟล์ต้นฉบับไว้อยู่ก็ให้ใส่ -c เข้าไปซึ่งเป็นการบอกให้ gzip แสดงเข้ามาออกทาง
standard output จากนั้นเราก็ทำการเปลี่ยนทิศทางไปยังไฟล์ที่เราต้องการ
ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเหมือนกับคำสั่งแรกต่างกันที่ต้นฉบับเรายังอยู่ ไม่ไปไหน
และถ้าเราอยากให้ไฟล์ที่ได้บีบกันแบบสุดๆ ก็ให้ใส่ -9 แต่ถ้าอยากได้ความเร็วก็ใส่ -1
จริงแล้วเราสามารถใช้ค่าได้ตั้งแต่ -1 ถึง -9 อย่างเช่น
แต่ถ้าใครอยากใช้ -9 ตลอดแต่ไม่อยากพิมพ์ทุกครั้งก็ให้เซ็น environment variable ดังนี้
อะพอเราบีบเสร็จ ก็ต้องทำการแตกไฟล์ ก็ทำโดย
และเหมือนเดิมไฟล์ .gz จะหายไป ถ้าไม่อยากให้หายก็ต้องทำอย่างนี้
เป็นยังไงสำหรับฟอร์แมตแรก ใช้ไม่อยากเลย อะฟอร์แมตที่สองที่จะแนะนำก็คงเป็น bzip2 นั่นเอง
ซึ่งอันนี้มาทีหลัง gzip แต่บีบได้เล็กกว่า รูปแบบคำสั่งก็จะคล้ายกัน ดังนี้
เราก็จะได้ filename.txt.bz2 มา แต่ไฟล์ต้นฉบับก็จะหายไป
ถ้าไม่อยากให้หายไม่ต้องทำการเปลี่ยนทิศทางให้เมื่อยเหมือน gzip เพราะมี option -k มาให้ k ย่อมาจาก
keep ก็ใช้ง่ายๆ ดังนี้
และเหมือนกันกับ gzip ซึ่งมีระดับการบีบอัด ตั้งแต่ 1 ถึง 9 ซึ่ง 1 จะใช้เวลาน้อยที่สุด ส่วน 9
จะบีบอัดได้สูงสุด
ไหนๆ ก็เหมือนกันมาเยอะแล้ว ก็ต้องกำหนดค่า default ได้โดย
และถ้าเราอยากแตกไฟล์ออกก็ใช้คำสั่ง
ซึ่งไฟล์ .bz2 ก็จะหายไป ถ้าไม่อยากให้หายก็ใส่ -k ไปด้วยน้า
มาถึงคำสั่งสำคัญอีกคำสั่ง คือ คำสั่ง tar คำสั่งนี้ไม่ได้มีการบีบอัดใดๆ แต่จะเป็นการรวมไฟล์หลายๆ
ไฟล์ไว้เป็นไฟล์เดียวกัน รูปแบบคำสั่งก็จะเป็นดังนี้
คำสั่งขั้นบนจะเป็นการนำไฟล์ filename และไดเร็กทอรี่ mydir มา tar แล้วเก็บไว้ในชื่อไฟล์ text.tar โดย
option c หมายถึงเป็นการสร้างไฟล์ tar -v เป็นการแสดงรายละเอียดขณะทำงาน และ -f
หมายถึงระบุชื่อไฟล์ที่เราต้องซึ่งก็คือ test.tar
อะและถ้าเราต้องการ extract ไฟล์ก็ทำได้โดย
ซึ่ง -x หมายถึงการ extract นั่นเอง ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการรวมพลังกันระหว่างการบีบอัดและการ tar
ถ้าเราต้องการรวมพลัง tar กับ gzip ก็ใช้คำสั่ง
ซึ่งเราจะ tar ไฟล์ filename.txt และไดเร็กทอรี่ก่อน แล้วจึงทำการบีบอัดด้วย gzip แต่ถ้าใครชอบ bzip2
ก็ให้ใช้คำสั่
จะเห็นว่าถ้าเป็น gzip เราจะใช้ option -z แต่ถ้าเป็น bzip2 จะเป็น -j อะดังนั้นถ้าเราต้องการ extract
ก็ให้ใช้คำสั่ง สำหรับ gzip
เรียบร้อยครับ เป็นยังไงใช้กันไม่อยากครับ ตรงไปตรงมา ไปและ
ref : http://www.logicdream.com
รหัส:
gzip filename.txt
หลังจากกด enter ไปไฟล์ filename.txt ของเราจะหายไป แล้วกลายร่างเป็น filename.txt.gz เสียแล้ว
แต่ใครยังอยากเก็บไฟล์ต้นฉบับไว้อยู่ก็ให้ใส่ -c เข้าไปซึ่งเป็นการบอกให้ gzip แสดงเข้ามาออกทาง
standard output จากนั้นเราก็ทำการเปลี่ยนทิศทางไปยังไฟล์ที่เราต้องการ
รหัส:
gzip -c filename.txt > filename.txt.gz
ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเหมือนกับคำสั่งแรกต่างกันที่ต้นฉบับเรายังอยู่ ไม่ไปไหน
และถ้าเราอยากให้ไฟล์ที่ได้บีบกันแบบสุดๆ ก็ให้ใส่ -9 แต่ถ้าอยากได้ความเร็วก็ใส่ -1
จริงแล้วเราสามารถใช้ค่าได้ตั้งแต่ -1 ถึง -9 อย่างเช่น
รหัส:
gzip -9 filename.txt
แต่ถ้าใครอยากใช้ -9 ตลอดแต่ไม่อยากพิมพ์ทุกครั้งก็ให้เซ็น environment variable ดังนี้
รหัส:
export GZIP="-9"
อะพอเราบีบเสร็จ ก็ต้องทำการแตกไฟล์ ก็ทำโดย
รหัส:
gunzip filename.txt.gz
และเหมือนเดิมไฟล์ .gz จะหายไป ถ้าไม่อยากให้หายก็ต้องทำอย่างนี้
รหัส:
gzip -c filename.txt.gz > filename.txt
เป็นยังไงสำหรับฟอร์แมตแรก ใช้ไม่อยากเลย อะฟอร์แมตที่สองที่จะแนะนำก็คงเป็น bzip2 นั่นเอง
ซึ่งอันนี้มาทีหลัง gzip แต่บีบได้เล็กกว่า รูปแบบคำสั่งก็จะคล้ายกัน ดังนี้
รหัส:
bzip2 filename.txt
เราก็จะได้ filename.txt.bz2 มา แต่ไฟล์ต้นฉบับก็จะหายไป
ถ้าไม่อยากให้หายไม่ต้องทำการเปลี่ยนทิศทางให้เมื่อยเหมือน gzip เพราะมี option -k มาให้ k ย่อมาจาก
keep ก็ใช้ง่ายๆ ดังนี้
รหัส:
bzip2 -k filename.txt
และเหมือนกันกับ gzip ซึ่งมีระดับการบีบอัด ตั้งแต่ 1 ถึง 9 ซึ่ง 1 จะใช้เวลาน้อยที่สุด ส่วน 9
จะบีบอัดได้สูงสุด
รหัส:
bzip2 -9 filename.txt
ไหนๆ ก็เหมือนกันมาเยอะแล้ว ก็ต้องกำหนดค่า default ได้โดย
รหัส:
export BZIP2="-9"
และถ้าเราอยากแตกไฟล์ออกก็ใช้คำสั่ง
รหัส:
bunzip2 filename.txt.bz2
ซึ่งไฟล์ .bz2 ก็จะหายไป ถ้าไม่อยากให้หายก็ใส่ -k ไปด้วยน้า
มาถึงคำสั่งสำคัญอีกคำสั่ง คือ คำสั่ง tar คำสั่งนี้ไม่ได้มีการบีบอัดใดๆ แต่จะเป็นการรวมไฟล์หลายๆ
ไฟล์ไว้เป็นไฟล์เดียวกัน รูปแบบคำสั่งก็จะเป็นดังนี้
รหัส:
tar -cvf test.tar filename.txt mydir
คำสั่งขั้นบนจะเป็นการนำไฟล์ filename และไดเร็กทอรี่ mydir มา tar แล้วเก็บไว้ในชื่อไฟล์ text.tar โดย
option c หมายถึงเป็นการสร้างไฟล์ tar -v เป็นการแสดงรายละเอียดขณะทำงาน และ -f
หมายถึงระบุชื่อไฟล์ที่เราต้องซึ่งก็คือ test.tar
อะและถ้าเราต้องการ extract ไฟล์ก็ทำได้โดย
รหัส:
tar -xvf test.tar
ซึ่ง -x หมายถึงการ extract นั่นเอง ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการรวมพลังกันระหว่างการบีบอัดและการ tar
ถ้าเราต้องการรวมพลัง tar กับ gzip ก็ใช้คำสั่ง
รหัส:
tar -cvzf test.tar.gz filename.txt mydir
ซึ่งเราจะ tar ไฟล์ filename.txt และไดเร็กทอรี่ก่อน แล้วจึงทำการบีบอัดด้วย gzip แต่ถ้าใครชอบ bzip2
ก็ให้ใช้คำสั่
รหัส:
tar -cvjf test.tar.bz2 filename.txt mydir
จะเห็นว่าถ้าเป็น gzip เราจะใช้ option -z แต่ถ้าเป็น bzip2 จะเป็น -j อะดังนั้นถ้าเราต้องการ extract
ก็ให้ใช้คำสั่ง สำหรับ gzip
รหัส:
tar -xvzf test.tar.gz
และ bzip2 ก็จะเป็น
tar -xvjf test.tar.gz
เรียบร้อยครับ เป็นยังไงใช้กันไม่อยากครับ ตรงไปตรงมา ไปและ
ref : http://www.logicdream.com